INSIGHTS
Gartner ชี้ 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์แห่งปี 2024 ที่มีผลในอีก 3 ปีข้างหน้า
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจอย่างมาก การเข้าใจเทรนด์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้บริหารจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนอย่างมีประสิทธิผล
ด้วยเหตุนี้ G-Able ในฐานะ Tech Enabler ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการด้านระบบ IT และ Digital solutions อย่างครบวงจรมากกว่า 34 ปี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิจัยเทรนด์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ดังนั้นในบทความนี้จึงเน้นไปที่ 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ของปี 2024 ที่ Gartner คาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบในช่วง 3 ปีข้างหน้า และเรามั่นใจว่าการสำรวจและวิจัยเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้บริหารสามารถนำธุรกิจของตนไปสู่ความสำเร็จในยุคของ AI และ Marketing 6.0 ด้วยการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและยั่งยืนระยะยาว
10 Strategic Technology Trends 2024
1. AI Trust, Risk and Security Management (AI TRiSM)
แนวคิดในการสนับสนุนการกำกับดูแลโมเดล AI ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส และการป้องกันข้อมูล
Why Trending?
- องค์กรที่นำ AI TRiSM มาใช้ จะพบว่าโปรเจคต์ AI ที่ดำเนินการอยู่สามารถใช้งานได้จริงเร็วขึ้น สร้างมูลค่าทางธุรกิจที่สูงขึ้นได้ พร้อมทั้งเพิ่มความแม่นยำและเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น
- องค์กรที่ใช้โมเดล AI ภายใต้การจัดการของ TRiSM สามารถยกระดับการตัดสินใจ รวมถึงการเพิ่มความถูกต้องเหมาะสมในแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้
- ความสามารถในการอธิบายโมเดล AI จำเป็นต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าคำอธิบายและการตีความของโมเดล AI เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้ตลอดการดำเนินงาน
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2026 องค์กรที่ใช้ตัวควบคุม TRiSM ในการจัดการ AI แอปพลิเคชัน จะเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจโดยลดข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สอดคล้องกับกฎหมายลงไปถึง 80%
2. Continuous Threat Exposure Management (CTEM)
วิธีการจัดการที่เป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง
Why Trending?
- วิธีการนี้เพิ่มความปลอดภัยโดยการประเมินความเสี่ยงที่เปิดเผยได้ โดยตรงกับโปรเจคต์ธุรกิจที่มีความเฉพาะทางหรือสถานการณ์คุกคามที่อยู่ในระดับวิกฤติ
- การจัดการความเสี่ยงครอบคลุมทั้งการเปิดเผยที่สามารถแก้ไขได้ (ช่องโหว่) และที่ไม่สามารถแก้ไขได้
- ความสำคัญของการเปิดเผยและการแก้ไข ที่ได้รับการยืนยันด้วยการพิจารณาจากมุมมองของผู้โจมตี และการทดสอบประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมความปลอดภัย
- คาดหวังผลลัพธ์จากการตอบสนองต่อความเสี่ยง ทั้งในมุมกลยุทธ์และทางเทคนิคด้านไอที ได้ถูกเปลี่ยนไปสู่การเสริมสร้างความปลอดภัยที่มีหลักสนับสนุน
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2026 องค์กรที่มีการลงทุนเน้นในด้านความปลอดภัยผ่านโปรแกรม CTEM จะลดความเสี่ยงในการถูกบุกรุกลงได้ถึง 2 ใน 3 ครั้ง
3. Sustainable Technology
กรอบการทำงานของดิจิทัลโซลูชันที่ใช้เพื่อส่งเสริมผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG)
Why Trending?
- เทคโนโลยีทางสิ่งแวดล้อม ช่วยในการป้องกัน บรรเทา และปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากธรรมชาติ
- เทคโนโลยีทางสังคม ส่งผลในการเพิ่มประสิทธิผลด้านสิทธิมนุษยชน สุขภาพ และความมั่งคั่ง
- เทคโนโลยีด้านกำกับดูแล เสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ การจัดการ และการเพิ่มความสามารถ
ใการคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2027 CIOs จำนวน 25% จะได้รับค่าตอบแทนที่เชื่อมโยงกับผลกระทบทางเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขององค์กรที่พวกเขาดูแล
4. Platform Engineering
วิชาการในการสร้างและบำรุงรักษาแพลตฟอร์มแบบ Self-service สำหรับภายในองค์กร โดยแต่ละแพลตฟอร์มทำหน้าที่เป็นชั้นความรู้หนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นและดูแลรักษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานผ่านการเชื่อมต่อกับเครื่องมือและกระบวนการต่าง ๆ
Why Trending?
- วิธีปฏิบัตินี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้พัฒนา ทำให้สร้างค่าทางธุรกิจได้เร็วขึ้น
- ช่วยลดภาระและเพิ่มประสิทธิผลในงานพัฒนา ผ่านการปรับปรุงประสบการณ์ทำงาน
- ผู้พัฒนาดำเนินงาน จัดการ และพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองโดยอิสระมากขึ้น พร้อมทั้งรักษามาตรฐานความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย
- เสริมสร้างแนวทางในการรักษาคนที่มีความสามารถพิเศษขององค์กร
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2026 Software Engineering ขององค์กรกว่า 80% จะจัดตั้งทีมดูแลภายใน เพื่อสนับสนุนบริการที่สามารถใช้ซ้ำได้ คอมโพเนนต์ และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการส่งมอบแอปพลิเคชัน
5. AI-Augmented Development
การใช้เทคโนโลยี AI เช่น Generative AI และ Machine Learning เพื่อช่วยวิศวกรซอฟต์แวร์ในการสร้าง ทดสอบ และส่งมอบแอปพลิเคชัน
Why Trending?
- เครื่องมือที่ประสานกับ AI สามารถทำงานร่วมกับสภาพแวดล้อมของผู้พัฒนาในการสร้างโค้ดสำหรับแอปพลิเคชัน อัปเดตโค้ดเดิมให้ทันสมัย แปลงรูปแบบหรือออกแบบเป็นโค้ดได้ง่ายขึ้น และเสริมสร้างความสามารถในการทดสอบแอปพลิเคชันได้
- ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เร็วขึ้น ช่วยให้ทีมงานตอบโจทย์ความต้องการสำหรับซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
- การลดเวลาที่ใช้ในการทำงานด้านต่าง ๆ ข้างต้น ทำให้พนักงานใช้เวลากับกิจกรรมที่มีความสำคัญมากขึ้น เช่น การออกแบบและการสร้างแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่มีแนวคิดน่าสนใจและเป็นงานเชิงคุณภาพ
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2028 มีการเพิ่มขึ้นของการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดเพิ่มขึ้น 75% จากเดิมที่มีอยู่เพียง 10% ในปี 2023
6. Industry Cloud Platforms
การผสานรวมบริการ SaaS, PaaS และ IaaS อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ครบถ้วนและมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขององค์กร
Why Trending?
- แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรม (Industry cloud platforms: ICPs) เป็นโซลูชันคลาวด์ที่ปรับแต่งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะ มีคุณสมบัติในการปรับแต่งตามตามความต้องการ
- ผู้นำด้าน IT สามารถใช้ศักยภาพในการประกอบของแพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
- เป็นกลไกสำหรับการทำงานข้ามอุตสาหกรรม โดยการปรับแต่งข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงและเป็นเอกลักษณ์สำหรับลูกค้าและองค์กรของตน
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2027 มากกว่า 50% ขององค์กรจะเริ่มใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรม เพื่อเร่งการดำเนินงานทางธุรกิจ คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เพียง 15% ในปี 2023
7. Intelligent Applications
แอปพลิเคชันที่มีการปรับใช้ AI และข้อมูลที่รวบรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งสำหรับใช้งานส่วนบุคคลและในเชิงธุรกิจสามารถจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Why Trending?
- AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์จะทำให้แอปพลิเคชันกลายเป็นสิ่งที่ฉลาดยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนวิธีการที่ลูกค้า ผู้ใช้งาน เจ้าของผลิตภัณฑ์ และผู้พัฒนามีประสบการณ์ร่วมกับมัน
- ด้วยข้อมูลที่รวบรวมจากการทำรายการและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ แอปพลิเคชันที่มีความฉลาดสามารถนำเสนอข้อมูลที่ลึกซึ้ง ลดการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่แยกต่างหากสำหรับการประเมินภาพรวมธุรกิจ
- AI เสริมสร้างความสามารถในการทำนายหรือให้คำแนะนำ ทำให้กระบวนการในแอปพลิเคชันเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน เพิ่มประสิทธิผล และสนับสนุนการตัดสินใจ
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2026 แอปพลิเคชันที่พัฒนาใหม่จะใช้ AI ในการขับเคลื่อนกว่า 30% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เพียง 5% ในปัจจุบัน
8. Democratized Generative AI
ความสามารถในการสร้างเนื้อหาใหม่อย่างสิ้นเชิง (ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, คำพูด, ข้อความ) รวมถึงการเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้กว้างขวาง เป็นหนึ่งในแนวโน้มที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหมายและรุนแรงที่สุดในยุคนี้
Why Trending?
- การใช้ AI สร้างสรรค์งานอย่างกว้างขวางทั่วองค์กร ช่วยเสริมศักยภาพใหม่ในการทำงานให้หลากหลาย เป็นอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่สำหรับการเติบโต
- เปลี่ยนวิธีที่องค์กรทั้งหมดในยุคปัจจุบัน แข่งขันและดำเนินงาน
- การแพร่กระจายข้อมูลและทักษะต่าง ๆ ไปยังบทบาทและฟังก์ชันธุรกิจที่หลากหลายจะเกิดขึ้นตามมา
- เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจ ผ่านบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติระหว่างคนกับ AI
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2026 มากกว่า 80% ขององค์กรจะเริ่มใช้ Generative AI ในการสร้างสรรค์งาน โมเดล หรือแอปพลิเคชันที่มี generative AI-enabled อยู่ในตัว โดยแนวทางนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่มีอยู่เพียง 5% ในปัจจุบัน
9. Augmented Connected Workforce
กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มคุณค่าที่พนักงานได้รับ ผ่านการสร้าง Connected Workforce ที่ส่งเสริมประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ การวิเคราะห์ และการพัฒนาทักษะ เพื่อเร่งการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กร
Why Trending?
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลใหม่ที่จำเป็นสำหรับงานทุกประเภท
- ช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาความสามารถของพนักงานใหม่
- การทำงานแบบอัตโนมัติและ AI ช่วยให้พนักงานจัดการกับปัญหาที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2027 CIOs จำนวน 25% จะเลือกใช้และเสริมสร้าง Connected Workforce เพื่อลดระยะเวลาในการพัฒนาความสามารถของบุคลากรลง 50%
10. Machine Customers
ลูกค้าที่ไม่ใช่มนุษย์ มีความสามารถในการเจรจา ซื้อสินค้าและบริการได้โดยอัตโนมัติ
Why Trending?
- ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่องค์กรสร้างลูกค้าของตนเองได้
- ในปี 2028 จะมีสินค้าเชื่อมต่อกันถึง 15 พันล้านชิ้น ทั้งหมดมีศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่เสมือนลูกค้าและจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นหลายพันล้านในปีต่อ ๆ ไป
- ในปี 2030 สิ่งนี้จะสร้างผลกระทบต่อการซื้อขายที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และในที่สุดจะมีความสำคัญเหนือกว่าการมาของ Digital Commerce
การคาดการณ์ของ Gartner: ในปี 2028 ลูกค้าที่เป็นเครื่องจักรจะทำให้ร้านค้าดิจิทัลที่เข้าถึงได้โดยมนุษย์ลดลง 20%
3 Theme Strategic Technology Trends
จาก Infographic ข้างต้นจะเห็นได้ว่าแต่ละเทรนด์มีความสัมพันธ์เชื่อมกันอย่างน้อยหนึ่งหัวข้อ การเลือกใช้ประโยชน์จากเทรนด์ใดและช่วงเวลาใด จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจของแต่ละองค์กร โดยทาง Gartner ได้แบ่งออกเทรนด์ทั้งหมดเป็น 3 ธีมและให้คำแนะนำในการเริ่มต้นดังนี้
Theme 1: Protect your investment
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาประโยชน์จากการตัดสินใจทั้งในอดีตและอนาคต เพื่อให้มีความยั่งยืนในระยะยาว
สิ่งที่ต้องทำ
- ทำอย่างมีจุดประสงค์ หมดเวลาสำหรับการทดลองโดยไม่มีทิศทางหรือไม่เป็นระเบียบอีกต่อไป
- เมื่อคำณวณ ROI ต้องรวมการลงทุนในมาตรการป้องกันด้วย
- ปรับแต่งการพัฒนา โดยคำนึงถึงการกระจายอำนาจและการรักษาผลประโยชน์
ในทางปฏิบัติ: AI TRism
Fidelity Investments ได้ปรับใช้แบบจำลอง AI จำนวนมากผ่านกรอบการดำเนินงานที่เป็นระบบ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อตรวจสอบการปรับใช้ที่อาจเผชิญกับปัญหาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด สิ่งนี้ช่วยให้สามารถตรวจหาและตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ก่อนที่จะต้องดำเนินการระดับสูง ผลลัพธ์คือเพิ่มความเร็วในการเปลี่ยนแปลงแบบจำลองเป็นผลิตภัณฑ์ถึง 100% และลดเวลาในการค้นหาและแก้ไขปัญหาได้ถึง 80% (จากที่ใช้เวลาหลายสัปดาห์เหลือเพียงหลายชั่วโมง)
Theme 2: Rise of the builders
สนับสนุนให้พนักงานและนักพัฒนาขององค์กรสร้างโซลูชันด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับแต่ละฟังก์ชัน
สิ่งที่ต้องทำ
- ใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สำหรับองค์กรและผู้เชี่ยวชาญขององค์กร
- สร้างแผน Road Map เพื่ออนุญาตให้พนักงานที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญสามารถสร้างได้เช่นกัน
- ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดขอบเขตและความสามารถ
ในทางปฏิบัติ: Platform Engineering
BP ได้เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถพัฒนาโซลูชันด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่าย IT โดยสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความสามารถและความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากนี้องค์กรยังได้ใช้ระบบอัตโนมัติในการทดสอบความปลอดภัย การจัดการใบอนุญาต และการปรับปรุงเวอร์ชันซอฟต์แวร์ ที่ช่วยให้กระบวนการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Theme 3: Deliver the value
ยึดมั่นในวัฒนธรรมของการคิดค้นและเร่งความเร็วในการเพิ่มค่าคุณภาพในขณะที่รักษาความเป็นเลิศในการดำเนินงาน
สิ่งที่ต้องทำ
- ดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายในและภายนอก ซึ่งองค์กรควรทำให้กระบวนการนี้เป็นวัฒนธรรมที่ดี
- รวมกลยุทธ์สำหรับลูกค้าที่ใช้ขั้นตอนวิธีทางอัลกอริทึมและพนักงานภายในของคุณ
- ส่งเสริมการเข้าถึงที่ถูกควบคุมเพื่อใช้เครื่องมือดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในทางปฏิบัติ: Augmented Connected Workforce
Merck มีโปรแกรมเฉพาะทางสำหรับ Extended Reality เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เวลาของพนักงาน โดยโปรแกรมนี้ได้รับการสนับสนุนจากแผนก HR, แผนก L&D, ผู้นำหน่วยธุรกิจ และฝ่ายดำเนินงาน พนักงานในสายงานต่าง ๆ เป็นผู้สนับสนุนในการประยุกต์ใช้งานในด้านการถ่ายทอดความรู้ ทดสอบ และการฝึกอบรม ทุกสาขาหรือโรงงานผลิตขององค์กรจะได้รับแนวทาง เพื่อดำเนินการและจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างมีระบบ ผลลัพธ์คือ เวลา 70% ของผู้เชี่ยวชาญในองค์กรได้ถูกนำไปใช้งานที่มีประโยชน์มากขึ้น ประหยัดเวลาในการฝึกอบรมและเพิ่มความเร็วขึ้นได้ประมาณ 2 สัปดาห์
สรุป
สุดท้ายนี้ทาง Gartner แนะนำว่า หลังจากที่องค์กรได้รับทราบเกี่ยวกับ 10 เทรนด์นี้ ควรรีบทำการประเมินผลกระทบและประโยชน์ของเทคโนโลยีแต่ละประเภท เพื่อพิจารณาว่านวัตกรรมหรือกลยุทธ์การผสมผสานใดจะส่งผลกระทบมากที่สุดต่อความสำเร็จขององค์กรของคุณต่อไป
ให้เราช่วยเสริมศักยภาพของคุณ เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มเติม